Comments (0)


autor: หทัยชนก พุ่มเกตุ (กล้วย)
ตลอดระยะเวลาหลายเดือนตั้งแต่มีการระบาดของ Corona Virus หรือ COVID-19 ที่เริ่มจากประเทศจีนไปสู่ประเทศอื่น ๆ จนองค์การอนามัยโลกประกาศยกระดับการแพร่เชื้อสู่ระยะ Pandemic หรือโรคระบาดที่เกิดการระบาดไปทั่วโลก จะเห็นได้ว่าทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนเอง ปรับตัวกันไปในหลายวิธี ทำให้เกิดพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้คนเริ่มเปลี่ยนแปลง
การแพร่ระบาดของ COVID-19 เป็นเสมือนตัวเร่งที่ให้คนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างกระทันหัน อย่างการ Work From Home ที่ถึงจะมีมานานหลายปีแล้ว แต่ในไทยเองเพิ่งจะได้รับความนิยมในช่วงนี้ หรือการสมัครบริการสตรีมมิ่งที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ในช่วงเวลาที่การระบาดยังไม่มีท่าทีว่าจะสิ้นสุด อาจทำให้เกิดพฤติกรรมรูปแบบใหม่ของผู้บริโภค หรือสิ่งที่เรียกว่า “New Normal” (ความปกติแบบใหม่) ในสังคมได้
5 New Normal
จากพฤติกรรมคนไทยนับตั้งแต่การระบาด ข้อมูลจากบทความ Coronavirus in Thailand – Trends & Implications for Brands and Marketers โดย GroupM, WPP และ Wisesight (ประเทศไทย), การคาดการณ์ New Normal จาก ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส ประเทศไทย และบทความบนเว็บไซต์ Beyondphilosophy สรุปได้ดังนี้
ความสะอาดต้องมาก่อน
คนจะให้ความสำคัญกับเรื่องของความสะอาด สุขอนามัยของตัวเองมากขึ้น เห็นได้จากสินค้าที่คนซื้อเยอะขึ้น เช่น เจลล้างมือ หน้ากากอนามัย น้ำยาทำความสะอาด น้ำยาฆ่าเชื้อ ไม่ใช่แค่การเลือกสินค้า แต่หมายถึงการให้บริการต่าง ๆ คนจะให้ความสำคัญ และเลือกรับบริการจากสถานที่ ระบบขนส่งที่ตนเองมั่นใจว่ามีการทำความสะอาด เช่น การทำความสะอาดที่มากขึ้นในตัวรถไฟฟ้า หรือ รถในระบบขนส่ง
ให้ความสำคัญในการวางแผนใช้เงิน
จากทฤษฎีที่บอกว่าเงินสำรองฉุกเฉินจะต้องมี 6 เดือน การระบาดของ COVID-19 ครั้งนี้อาจจะทำให้เราต้องคิดใหม่ คนจะมองหาสินค้าหรือบริการที่เชื่อถือได้ว่า จะทำให้พวกเขาปลอดภัย มั่นคงต่อสถานภาพทางการเงินของตัวเองมากขึ้น โดยมีถึง 66% หันมาให้ความสำคัญในด้านวางแผนการใช้เงินมากขึ้น จะเห็นได้จากการที่ช่วงต้นของการระบาด คนค้นหาแพ็คเกจประกันชีวิตที่รองรับการติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มมากขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม 2563
ใช้ชีวิตผ่านระบบออนไลน์และอีคอมเมิร์ซ
เรื่องการใช้ชีวิตบนออนไลน์อาจจะไม่ใหม่ แต่ในช่วงการระบาด COVID-19 นี้มีสถิติชี้ว่ามีการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้นถึง 80% ทั้งการซื้ออาหาร เครื่องดื่ม และสั่งสินค้า ผ่านแพลตฟอร์มเช่น Lazada, Shopee, Grab หรือ Foodpanda นอกจากนั้นอีก 52% เริ่มสมัครดู Streaming แบบจ่ายเงินมากขึ้น ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้เป็นกิจกรรมที่ทุกคนเลือกทำอยู่ที่บ้านในระหว่างกักตัว หรือการอยู่บ้าน หยุดเชื้ด เพื่อชาติ
ไม่ใช่แค่คนหนุ่มสาวที่สั่งของออนไลน์ แต่ผู้มีอายุก็เริ่มมาเรียนรู้การสั่งของออนไลน์กันมากขึ้นด้วย เนื่องจากลูกหลานอยู่บ้าน มีเวลาสอน มีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น พฤติกรรมจะเปลี่ยนไปเป็นแบบ On Demand มากขึ้น อยากได้ของ อยากได้บริการเหมือนออกจากบ้านไปเลือกซื้อเอง แต่กลับกันคือใช้บริการอยู่ที่บ้านนั่นเอง
ระมัดระวังการอยู่ในฝูงชน
คนจะเคยชินกับการใช้ชีวิตอยู่บ้าน จากที่เบื่อจะกลายเป็นเริ่มปรับตัวหากิจกรรมทำมากขึ้น เช่น การช้อปออนไลน์อยู่บ้านที่กลายมาเป็นสวรรค์แห่งใหม่ของทุกคนมากขึ้น พอหลาย ๆ เดือนเข้า ถึงแม้สถานที่ที่คนพลุกพล่านอย่างห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารใหญ่ ๆ ผับ หรือ บาร์ อีเวนท์ งานคอนเสิร์ต จะกลับมาเป็นปกติ แต่คนก็จะเลี่ยงที่จะไปรวมตัวกัน เพราะความวิตกกังวลจากโรคระบาดอาจจะยังไม่หายไป เพราะสุดท้ายแล้วกิจกรรมเหล่านี้อาจจะทำได้ที่บ้าน และสามารถสร้างประสบการณ์การใช้จ่ายแบบใหม่ให้ผู้บริโภคได้
อยู่บ้านอย่างมีสไตล์มากขึ้น
เมื่อก่อนคนออกไปใช้ชีวิตตามสถานที่ต่าง ๆ โชว์ไลฟ์สไตส์บ่งบอกรสนิยมและตัวตนของตัวเองได้ แต่ตอนนี้บ้านคือเป็นพื้นที่ที่จะกลายเป็นทุกอย่าง เป็นทั้งคาเฟ่ ที่ทำงาน ที่นอน ร้านอาหาร หรือแม้แต่โรงเรียน การสะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ในบ้านจะถูกแชร์ลงบนโลกโซเชียลมากขึ้น สินค้าที่เกี่ยวกับการตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ ต้นไม้ต่าง ๆ ก็อาจจะจะขายดีขึ้น หรือการเลือกซื้อบ้านที่ตอบโจทย์เป็นได้ทุกอย่างก็จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเลือกซื้อ เพื่อเตรียมพร้อมหรือรองรับการ Work From Home ในอนาคต หากมีวิกฤตหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือหากจะต้องอยู่บ้านมากขึ้น
Source : GroupM Thailand, Kantar, Beyondphilosophy, The Standard, Marketingoops
Comments (0)